โรคภัยไข้เจ็บ
มือชาเท้าชา
เขียนโดย ธนาวัชร์ ธนาชววัฒน์ท่านผู้อ่านหลายท่านมีอาการชาตามมือและเท้า บางท่านมีอาการเป็นๆหายๆ ระยะเวลาที่เกิดอาการชา และ ความถี่ของอาการชาก็ต่างกันออกไป อาการชาเป็นอาการผิดปกติทางระบบประสาท อาจจะไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตายอะไรมากนัก แต่ผู้ป่วยจะเกิดความรำคาญ ซึ่งถือว่าเป็นการส่งสัญญาณบอกเหตุถึงความบกพร่องของระบบประสาทแล้ว ดังนั้นเราควรจะต้องค้นหาสาเหตุและวิธีการรักษา ก่อนที่จะเกิดลุกลามไปมากกว่านั้น
อาการชาเป็นความผิดปกติของระบบประสาทที่รับรู้ความรู้สึกต่างๆ เกิดขึ้นได้ในอวัยวะทุกส่วนของร่างกาย โดยเฉพาะ นิ้ว มือ แขน เท้า ขา เป็นอาการที่มีความรู้สึกเจ็บ ปวด ร้อนหรือเย็น หรือ บางครั้งผู้ป่วยอาจจะไม่มีความรู้สึกเลย ผู้ป่วยบางคนอาจจะมีความรู้สึกซ่าๆ ที่บริเวณปลายมือปลายเท้ายุบยิบๆ แล้วก็หายไป ซึ่งอาการชาจะเกิดขึ้นเมื่อเส้นประสาทผิดปกติไปแล้วมากกว่า 50% แต่ถ้าเส้นประสาทบกพร่องไปอย่างช้าๆ อาจทำให้ผู้ป่วยไม่รู้สึกถึงความผิดปกติใดๆและมักตรวจพบสาเหตุได้ยาก แต่ถ้าเส้นประสาทเกิดการบกพร่องไปอย่างฉับพลัน จะเกิดอาการที่ชัดเจน
อาการมือชาเท้าชาสามารถเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ได้แก่ การนั่งหรือยืนในท่าเดิมเป็นเวลานานๆ ทำให้เลือดสูบฉีดไปเลี้ยงร่างกายไม่ทั่วถึง อาจเกิดจากมีระดับแร่ธาตุและวิตามินผิดปกติ หรืออาจมีสาเหตุจากโรคบางโรค เช่น โรคหมอนรองกระดูกกดทับเส้นประสาท งูสวัด เบาหวาน ปวดศีรษะไมเกรน ลมชัก หลอดเลือดสมอง เป็นต้น นอกจากนี้อาการชายังเกิดจากผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นจากการใช้ยาเคมีบำบัด ในกรณีที่รู้สาเหตุของอาการมือชาเท้าชาแล้ว ก็สามารถรักษาไปตามสาเหตุเหล่านั้น เช่น มือชาเท้าชาที่เกิดจากโรคเบาหวาน โดยอาการชานี้เป็นภาวะแทรกซ้อนที่บ่งบอกถึงภาวะของโรคเบาหวานที่อาการรุนแรงมากขึ้น ดังนั้นผู้ป่วยเบาหวานหากจะรักษาอาการชา ก็ต้องควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในช่วงที่เหมาะสม แต่ในกรณีที่ไม่สามารถหาสาเหตุของมือชาเท้าชาได้ ควรปรึกษาแพทย์ถึงอาการผิดปกติที่เกิดขึ้น เพื่อหาสาเหตุของอาการชาและทำการรักษาหรือป้องกัน เพราะหากเกิดอาการชาบ่อยขึ้นหรือมีอาการชามากขึ้นแล้วปล่อยทิ้งไว้ โดยไม่หาสาเหตุและไม่ได้รับการรักษาที่เหมาะสม อาจทำให้มีอาการรุนแรงขึ้นจนอาจไม่มีความรู้สึกเลย ทำให้มีโอกาสเกิดอุบัติเหตุหรือบาดแผลได้ง่ายขึ้น เพราะว่า หากเท้าผู้ป่วยเดินไปเหยียบตะปูหรือมือผู้ป่วยไปถูกน้ำร้อน จะไม่ชักเท้าหนีจากตะปูหรือชักมือหนีจากน้ำร้อน ทำให้เท้าและมือเกิดเป็นแผลได้ง่าย ซึ่งจะแตกต่างจากคนปกติที่จะมีปฏิกิริยาการตอบสนองที่รวดเร็วกว่า ดังนั้นจึงต้องระวังการเกิดอุบัติเหตุหรือบาดแผลจากของมีคม ของร้อนหรืออันตรายจากสิ่งอื่น
ถึงแม้อาการมือเท้าชาจะเป็นอาการเล็กน้อยสำหรับบางคน แต่อาจเป็นสัญญาณเตือนของภาวะหรือโรคที่รุนแรงขึ้น โดยเฉพาะหากมีอาการชาบ่อยขึ้นหรือรุนแรงขึ้น จึงไม่ควรปล่อยทิ้งไว้ ควรไปพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุและทำการรักษาก่อนที่โรคจะรุนแรงขึ้นกว่าเดิม ดังนั้นเมื่อเกิดอาการ มือชาเท้าชา อย่าได้วางใจ หากสามารถหาสาเหตุของโรคได้ถูกต้องและรวดเร็ว ย่อมจะได้รับผลการรักษาที่ดีและป้องการการเกิดภาวะของโรคที่รุนแรงยิ่งขึ้นได้ และที่สำคัญเมื่อเกิดอาการชาขึ้นแล้ว ควรระมัดระวังการเกิดบาดแผล สวมรองเท้าเมื่อออกไปเดินนอกบ้านหรืออยู่ในที่รก หมั่นสังเกตและดูแลรักษามือและเท้าอย่างเหมาะสม เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุและหากเกิดบาดแผลจะสามารถรักษาแผลได้อย่างทันท่วงที
บางคนมือชาเท้าชา เพราะขาดสารอาหาร ควรรับประทาน วิตามินบี ซึ่งมีความจำเป็นต่อการบำรุงระบบประสาท ช่วยสร้างสื่อประสาท และซ่อมแซมเส้นประสาท จึงส่งผลต่อการลดอาการชาปลายมือปลายเท้าได้ กลุ่มวิตามินบีดังกล่าว ได้แก่ วิตามินบี 1 วิตามินบี 6 กรดโฟลิค และวิตามินบี 12
ผมแนะนำให้รับประทานเครื่องดื่มสมุนไพร ทั่งเซียมเจ็ง เพื่อฟื้นฟูระบบประสาทจะทำให้หายจากอาหารมือชาเท้าชาได้ไวยิ่งขึ้นครับ
-
อัปเดตล่าสุดเมื่อ: 27 สิงหาคม 2559
-
ฮิต: 10091
สั่งซื้อทั่งเซียมเจ็ง
สินค้าที่ชมล่าสุด
Top view
ข่าวสุขภาพ
16.09.2018
การรับมือกับไขมันทรานส์
ตั้งแต่ที่ได้มีการประกาศกระทรวงสาธารณสุข เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน พ.ศ.
+ View